นายพิภพ ชำนิวิกัยพงศ์ ผอ.สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด และนางสาววริศรา วราลักษณ์ ผอ.ส่วนวิชาการและความร่วมมือระหว่างประเทศ สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด ร่วมรับเสด็จพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในโอกาสที่ทรงเป็นประธานการเปิดกิจกรรมการนำแนวทางการพัฒนาทางเลือกมาปรับใช้กับผู้ต้องขัง เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ณ ศาลาลีลาวดี โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
ซึ่งจากการที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศเพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ หรือเรียกง่ายๆ ว่า ICAD 2 โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-24 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาได้เสด็จเข้าร่วมประชุมตลอดระยะเวลาดังกล่าว เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พระเจ้าหลานเธอฯ ทรงเห็นว่าหากนำแนวทางการพัฒนาทางเลือกมาปรับใช้กับผู้ต้องขังน่าจะทำให้ผู้ต้องขังมีทางเลือกมากขึ้น และด้วยศักยภาพของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ น่าจะช่วยทำให้การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยผู้ต้องขังมีโอกาสของความสำเร็จสูงมากขึ้น ประกอบกับทรงเห็นว่าในปัจจุบันการแพร่ระบาดของยาเสพติดได้เปลี่ยนแปลงจากพืชเสพติดมาเป็นสารสังเคราะห์ และยังหมายรวมถึงการเสพติดวัตถุ เงินทอง ทรัพย์สิน ที่หามาโดยง่ายอันเนื่องมาจากการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อันเป็นเรื่องของจิตใจเป็นสำคัญ ดังนั้น จึงทรงประทานคำแนะนำให้มีการทดลองดำเนินการนำแนวทางของ AD หรือแนวทางตามศาสตร์พระราชา มาปรับใช้กับผู้ต้องขัง
จึงเป็นที่มาของการที่ศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือ กรมราชทัณฑ์ และกรมคุมประพฤติ ได้ร่วมกันออกแบบกระบวนการและแนวทางที่จะนำแนวทางการพัฒนาทางเลือกมาปรับใช้กับผู้ต้องขัง เพื่อเติมเต็มให้ผู้ต้องขังมีความรู้ในระดับที่พร้อมใช้กับวิธีคิดที่ถูกต้อง ปรับเปลี่ยนทัศนคติเป็นที่ยอมรับของสังคมและที่สำคัญคือสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยมีอาชีพที่สุจริต ไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำ ด้วยเหตุนี้จึงดึงมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หยุดการประกอบอาชีพที่ไม่สุจริตและหันกลับมาทำคุณประโยชน์ให้สังคม ได้เข้ามาร่วมช่วยเหลือผู้ต้องขังในเรือนจำชั่วคราวดอยราง และเริ่มดำเนินการเมื่อเดือนธันวาคม 2558 มีผู้ต้องขังเข้าร่วมโครงการ 48 คน โดยมีการออกแบบกิจกรรมและกระบวนการต่างๆ ที่จะนำพาผู้ต้องขังให้มีอาชีพที่สุจริตเมื่อพ้นโทษ และที่สำคัญ มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจที่จะไม่หวนกลับไปทำผิดหรือเกี่ยวข้องกับวังวนของยาเสพติดอีก